รีวิว India : อินเดียครั้งแรกที่พุทธคยา – พาราณสี

พาราณสี

พาราณสี

🇮🇳 20 ข้อกับอินเดียครั้งแรกที่พุทธคยา-พาราณสี

แม่น้ำคงคาในวิชาพระพุทธศาสนาตอนเด็ก ในที่สุดก็ได้มาเห็นกับตา,,, พิธีกรรมการเผาศพ ริมแม่น้ำ กับเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ,, เติมแต้มบุญให้ตัวเองกับการไปแสวงบุญที่พุทธคยา

  • วีซ่าของ่ายมาก กรอกทางเว็บไซต์วันเดียวรู้ผล และคือตอนนี้ถูกมาก แบบ 30 วัน ค่าวีซ่าแค่ 781฿
  • ล่องเรือแม่น้ำคงคาได้ฟีลยุโรปมากอ่ะ ไม่เหมือนอยู่อินเดีย ลมโชยๆกับวิวบ้านเรือนอลังการ แถมได้เห็นวิถีชีวิตคนริมแม่น้ำ เฮ้ย! มันดีมาก มันเป็นวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์สุดๆ
  • พิธีกรรมการเผาศพริมน้ำคือสุดจริง! ทุกคนควรมาให้เห็นกับตา กับประเพณีที่มีมานานกว่า 4,000 ปี ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีโคตรๆ และทำให้รู้สึกว่า เออ…ชีวิตมันก็แค่นี้..ปลง..
  • ถ้ามีเวลาควรล่องเรือแม่น้ำคงคาทั้งเช้าและเย็น ได้บรรยากาศคนละฟีล แต่ดีมากทั้งคู่
  • พิธีอารตีบูชาคือมาแล้วต้องได้ดู มันงดงามอลังการ จะยืนดูบนบกหรือลงไปนั่งดูในเรือก็ได้ ถ้าลงเรือคนละ 100 รูปี
  • ไปพาราณสีแล้วต้องไปเที่ยวสารนาถด้วยนะ เป็นที่ที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ถือเป็นสถานที่สำคัญของชาวพุทธเลย
  • พาราณสีคนเยอะมหาศาล วุ่นวายจริง เดินหลบคน หลบรถ วุ่นไปหมด แต่สนุกมาก เพลินดี ฟีลแบบรำคาญแต่รักนะ
  • ถนนไม่มีเลน รถอยากวิ่งไงก็วิ่ง จะย้อนศรอะไรก็วิ่งไปเหอะงี้ ไฟเลี้ยวไม่จำเป็นสำหรับคนที่นี่ แตรสิสำคัญ
  • อินเดียคือประเทศแห่งเสียงแตรรถ ไม่มีทางหลุดพ้นเสียงแตรรถไปได้ นี่กลับมาไทยยังหลอน ขับรถตัวเองแล้วอยากกดแตรสักทีสองที
  • เมืองพุทธคยาบอกตรงๆเลยตอนแรกไม่อิน แต่พอไปแล้ว โอ้โห! ใครเป็นชาวพุทธมาเหอะ อยากให้มา ได้อยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างพุทธคยา ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ได้ความสงบเย็นใจตอนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อ่ะ แถมได้เห็นพลังศรัทธาของชาวพุทธ มันดีมากจริงๆนะเออ
  • แล้วยังได้ไปสถานที่อื่นๆที่เราได้ร่ำเรียนมาในชีวประวัติพระพุทธเจ้าด้วย (ไปอ่านดูในรูปรีวิว) ยิ่งทำให้รู้สึกดีใจมากที่ตัดสินใจไป 
  • คนอินเดียน่ารักมาก เฟรนลี่ ขี้เล่น ยิ้มตล๊อดด ชอบเข้ามาช่วยนั่นช่วยนี่
  • แต่ไอ้ที่เข้ามาช่วยคือขอทิป ผู้คนที่นี่ขายเก่ง ขอเก่ง แต่ฟีลลิ่งน่ารักอ่ะเออ คือเราไม่ให้ก็ไม่เหวี่ยงอะไร ประมาณว่าขอเผื่อได้ ฮ่าๆ
  • ก่อนขึ้นตุ๊กๆตกลงราคาให้ดีก่อน และใจแข็งเข้าไว้ เพราะระหว่างทางคนขับจะอ้างนู้นนี่ขอเพิ่ม 10 20 ก็เอา แต่เราไม่ให้ก็ยิ้มและหัวเราะแห้งๆ,, บอกแล้วว่าขอเผื่อได้
  • ทุกที่จะมีคนมาเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ ไปไหนหรอ หาไรอยู่หรอ ถ้าเราบอกปุ๊บก็จะเดินพาไปพร้อมให้ความรู้ อันนี้ดี..แต่สุดท้ายจะพาแวะร้านของฝาก เหมือนดีลกันกับร้านไว้แล้ว ฮ่าๆ
  • อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ว่าอินเดียเนี่ยบ้านเมืองเค้าไม่ค่อยสะอาด แต่ไม่เป็นปัญหาหรอก นี่ก็ นึกซะว่ากำลังเล่นเกมส์หลบกับระเบิดอยู่ ฮ่าๆ ^^ 
  • ทุกอย่างคือถูกไปหมด ค่ากิน ค่าที่พัก ค่าเดินทาง นี่คือไป 6 วัน ใช้เงินรวมวีซ่า เช่ารถพร้อมคนขับ ที่พัก แถมกินดีทุกมื้อ ใช้ไปไม่ถึง 8,000 บาทอ่ะ (ไม่รวมตั๋วบิน)
  • เรื่องอาหารสำหรับเราไม่เป็นปัญหาเลย นี่เอ็นจอยกับทุกอย่างที่อินเดียมาก กินได้และรู้สึกอร่อยด้วย Street food ก็ดีงามอ่ะ
  • อย่าลืมพกทิชชู่เปียก ทิชชู่แห้ง แอลกอฮอร์ล้างมือ และแมสปิดปากไปด้วยนะ ได้ช่วยเวลาเข้าห้องน้ำหรือเจอฝุ่นควัน 
  • และจะบอกว่าตั๋วเครื่องบินคือไปสะดวกและคุ้มมากเว่อร์ นี่เราบินกับ Thai AirAsia คือเค้ามีบินตรงไปที่พุทธคยาทุกวันเลยนะ บินแค่ 3.30 ชั่วโมงก็ถึงแล้วอ่ะ แล้วเดี๋ยวเร็วๆนี้ @AirAsia เค้าจะมีบินตรงสู่พาราณสีแล้วด้วย 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ( จ พ ศ ส ) ทีนี้ล่ะใครอยากไปแสวงบุญพุทธคยา-พาราณสี ก็สบายแล้วจ้า จะบินเข้าพุทธคยากลับพาราณสี หรือบินเข้าพาราณสีกลับพุทธคยาก็ได้อ่ะ ^^

เอาล่ะ อ่านครบ 20 ข้อแล้ว ก็ไปดูรูปและอ่านรีวิวละเอียดๆเต็มๆกัน!!

 

พาราณสี

สำหรับการเดินทางตลอดทริปทั้ง 6 วันของเราครั้งนี้ ใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับค่ะ เนื่องด้วยเราไปกัน 4 คน และลองเช็คราคากับนึกถึงความสะดวกสบายแล้ว เช่ารถนี่แหละตอบโจทย์มาก จะบอกว่าราคาเช่ารถพร้อมคนขับที่อินเดียคือถูกมากอ่ะ ราคา 6 วัน รวมทุกอย่างแบบไม่ต้องจ่ายไรเพิ่มเลย (นอกจากทิปที่ให้คนขับเอง) ราคา 24,000 รูปี หาร 4 ก็ตกคนละ 6,000 รูปี หรือแค่คนละ 2,640 บาทเอ๊งง ราคานี้แลกกับความสะดวกเอาเหอะ!

จากสนามบินคยา เราจะเดินทางไปเที่ยวกันที่พาราณสีก่อนเลยค่ะ โดยใช้เวลานั่งรถประมาณ 6 ชม.

ไปชม VLOG พาเที่ยวพาราณสีได้ที่ >> https://youtu.be/s0nLy52VhwE

พาราณสี

สถานที่แรกที่พาราณสีเราไปกันที่ “สารนาถ” และที่นี่ก็คือ “ธรรมเมกขสถูป” ที่เป็น 1 ใน 4 ของสังเวชนียสถาน ตั้งอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นจุดที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา โปรดพระอัญญาโกณฑัญญะ ทำให้เกิดพระภิกษุรูปแรก และทำให้ศาสนาพุทธมี พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์ 3 นั่นเองค่ะ

Note : ที่นี่ถ้าโชว์ Passport ไทยลดค่าเข้าเหลือคนละ 25 รูปีเองจ้า

พาราณสี

ที่นี่ก็จะมีพระสงฆ์และเหล่าผู้แสวงบุญทั่วโลกมาสักการะ เดินจงกรม และนั่งสมาธิกันเยอะเลยค่ะ เป็นอีกสถานที่นึงที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้รู้สึกสงบร่มเย็นมาก

พาราณสี
และที่นี่คือ “เจาคันธีสถูป” อยู่ห่างจากธรรมเมกขสถูปประมาณ 750 เมตรค่ะ เป็นจุดที่พระพุทธเจ้าทรงพบกับปัญจวัคคีย์ก่อนที่จะแสดงธัมมจักกัปปวัฒนสูตรค่ะ

Note : ที่นี่ถ้าโชว์ Passport ไทยลดค่าเข้าเหลือคนละ 25 รูปีเองจ้า

พาราณสี

ไปต่อกันที่ “วัดไทยสารนาถ” ซึ่งมีพระพุทธรูปหินสลักปางประทับยืนประทานพรสูง 80 ฟุตค่ะ ชื่อว่า “พระพุทธศาสนานุภาพลาภมงคลสมาธิรังษิธร” แบบว่าสูงใหญ่สวยงามมากๆเลย เป็นที่ที่คนอินเดียมากันเยอะเลยค่ะ และก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีคนไทยมาเข้าพักเพื่อปฎิบัติธรรมกันที่นี่ด้วย

พาราณสี

จากสารนาถเราก็กลับพาที่ตัวเมืองพาราณสี ซึ่งเราจะไปเดินเล่นกันที่ท่าน้ำหลักกันค่ะ 

ที่นี่ท่าน้ำเค้าจะเรียกกันว่า Ghat (ฆาต) ซึ่งมีอยู่หลาย Ghat มากๆ โดยคนขับรถพาเรามาปล่อยขึ้นเรือเนื่องจากรถไม่สามารถเข้าไปยังบริเวณที่เที่ยวที่อยู่ริมน้ำได้ เราจึงต้องนั่งเรือไปกันค่ะ

พาราณสี

ล่องเรือชมแม่น้ำคงคาในตอนกลางวันกันจ้า บรรยากาศดีนะเออ ไม่ร้อนด้วยแหละ ลมโชยเย็นสบาย

พาราณสี

วิถีชีวิตริมน้ำเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มากอ่ะ อย่างที่เราทราบกันดีว่า แม่น้ำคงคาคือชีวิตของคนที่นี่จริงๆ เค้ายังคงอาบน้ำ ซักผ้า กันที่แม่น้ำกันเหมือนที่ทำกันมาเป็นพันพันปี

พาราณสี

และนี่ก็คือ Manikarnika Ghat หรือท่าน้ำมณิกาณิการ์ เป็นท่าน้ำหลักที่ใช้ทำพิธีเผาศพ ซึ่งจะมีศพมาเผาที่นี่เยอะมากค่ะ จะบอกว่าอยู่ที่พาราณสีเราจะเห็นผู้คนแห่ศพกันทั่วเมืองเป็นเรื่องปกติค่ะ โดยครอบครัว (เฉพาะผู้ชาย) จะแห่ศพมาที่ท่าน้ำแห่งนี้ ที่เค้าว่ากันว่าไฟที่ใช้เผาศพที่นี่ไม่เคยดับเลยมาหลายพันปีแล้วค่ะ มีการเผาศพตลอด 24 ชม. เลย โดยมีศพประมาณ150-180 ศพต่อวันค่ะ

ซึ่งการมาพาราณสีครั้งนี้เราก็ได้มีโอกาสดูพิธีกรรมการเผาศพแบบใกล้มากๆ แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้ตายและครอบครัว จึงไม่สามารถถ่ายมาให้ดูได้ค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆที่ได้มาเห็นพิธีกรรมดั่งเดิมที่มีมายาวนานหลายพันปี

พาราณสี

นี่คือ Main Ghat ท่าน้ำหลักที่ชื่อว่า Dasaswamedh Ghat ( ท่าน้ำดัสวเมธ ) เราลงเรือกันที่ท่านี้แล้วเดินเที่ยวกันต่อค่ะพาราณสี

พอได้ลงเดินปุ๊บก็จะเห็นความอินเดี๊ยอินเดียอย่างแท้จริง ทั้งผู้คนที่พลุกพล่าน รถวิ่งวุ่น เสียงแตรรถ แต่ก็นี่แหละเสน่ห์ของความอินเดีย

พาราณสี

พาราณสี

ที่ที่เรามุ่งหน้ามาก็คือที่นี่จ้า! ร้าน “Blue Lassi Shop” ร้านดังยอดฮิตของที่นี่เลย นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก ที่นี่เค้าขายเมนู Lassi ค่ะ ซึ่งก็คือโยเกิร์ตสไตล์อินเดียนั่นเอง มีหลายรสหลายท็อปปิ้งให้เลือกเยอะเลย จะบอกว่าอร่อยมากกกก ใครมาแล้วห้ามพลาด!พาราณสี

เดินเล่นหาไรกินกันจนตกเย็น ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.ของทุกวัน จะมีพิธีคงคาอารตี หรือพิธีบูชาไฟและอาบน้ำชำระล้างบาป ซึ่งจัดขึ้นที่ Dasaswamedh Ghat ค่ะ

เป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู โดยผู้ที่ทำพิธีจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในวรรณะสูงสุดหรือวรรณะพราหมณ์ นั่นเองค่ะ

เป็นพิธีที่สวยงาม อลังการ มีความขลัง และมีคนมาชมเยอะมากๆ คือใครมาแล้วไม่ควรพลาดเด็ดขาด ดูฟรีไม่เสียตังค์นะ สามารถดูบนบกหรือบนเรือก็ได้ ซึ่งถ้าดูบนเรือจะมีคนมาเก็บเรา 100 รูปี

พาราณสี พาราณสี

ตัดภาพมาอีกวัน ณ เมืองพาราณสี เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อมาล่องเรือแม่น้ำคงคากันตั้งแต่ตอนตี 5 ค่ะ

พาราณสี

ในช่วงตี 5.30 น. ของทุกวัน จะมีพิธีกรรมตอนเช้าด้วย คล้ายๆกับพิธีคงคงอารตีที่มีในตอนกลางคืน  ถ้าใครได้ล่องเรือมาก็จะได้ชมพิธีกรรมนี้กันด้วยจ้า

พาราณสี

จะบอกว่าล่องเรือตอนเช้าเป็นอะไรที่ดีงามมาก และช่วงที่เราไปนี่อากาศดีสุดๆ คือบ้านเมืองริมน้ำตอนเช้าสวยงามมากเลยค่ะ บอกเลยว่าถ่ายรูปเพลินมากพาราณสี

ฟีลลิ่งอยู่ยุโรปมากจ้า เป็นอะไรที่สวยที่ดีมาก 

พาราณสี

พาราณสี

เสร็จจากล่องเรือ เราก็ขอหากาแฟกินยามเช้ากันสักหน่อย ซึ่งร้านนี้เป็นร้านที่เราอยากแนะนำมากกก ก. ไก่ล้านตัว ชื่อร้านว่า Kashi Cafe คือชากับกาแฟเค้าคืออร่อยสุดอ่ะ! ซึ่งชาที่นี่เค้าจะเรียกว่า “ไช” (Chai) ค่ะ ราคาไชแค่ 10 รูปี ส่วนกาแฟ 20 รูปีเองจ้าพาราณสี

ดื่มกาแฟกับหาอะไรทานตอนเช้ากันแล้ว กิจกรรมสุดท้ายที่เราจะทำกันที่เมืองพาราณสีนั่นก็คือ ไปเล่นโยคะ กันจ้า

ทำไมต้องไปเล่นโยคะ? ก็เพราะที่อินเดียถือเป็นแหล่งกำเนิดโยคะนั่นเอง!! มาถึงถิ่นทั้งที ต้องขอลองแบบ Original กันสักหน่อย โดยจะมีหลายที่มากเลยนะคะ สามารถเลือกหาเอาได้ตามสะดวกเลย และที่ที่เรามาชื่อว่า “Yoga Training Center” ค่ะ ชั่วโมงละ 200 รูปี ดูเหมือนจะชิลๆ แต่ก็เหนื่อยเอาเรื่องนะเออ ฮ่าๆ

พุทธคยา

จากเมืองพาราณสี เราขอว๊าปกันมาที่พุทธคยากันเลยจ้า และที่แรกที่พุทธคยาของเรา คือที่วัดเมตตาพุทธารามค่ะ ที่วัดนี้เราได้พบกับพระอาจารย์พีรพัฒน์ ปสนฺโน ซึ่งพระอาจารย์ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับที่พุทธคยาเราเยอะแยะเลยค่ะ

พุทธคยา

ในส่วนของห้องนี้จะให้เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่เข้ามาชมได้นะ พระอาจารย์ก็ได้เล่าเรื่องราวที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการบูรณะเจดีย์พุทธคยาด้วยค่ะ รู้สึกภูมิใจกับคนไทยมากๆ ^^

พุทธคยา

และในที่สุดเราก็ได้มากันที่ “เจดีย์พุทธคยา” พุทธสถานที่มีความสำคัญสูงสุดในกลุ่มสังเวชยนีสถานทั้ง 4 เลยค่ะ เพราะที่นี่คือสถานที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาเลย

โดยเจดีย์มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม สูง 51 เมตร มีความสวยงามด้วยศิลปะแบบอินเดีย งดงามมากๆค่ะ ถือเป็นจุดที่ชาวพุทธทั่วโลกต้องการมาสักการะมากที่สุดเลย 

Note : ที่นี่ไม่สามารถนำโทรศัพท์และพาวเวอร์แบงค์เข้าไปได้นะคะ ต้องฝากไว้ตรงทางเข้า โดยสามารถนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปได้ เสียค่านำกล้องเข้าไปกล้องละ 100 รูปี

พุทธคยา

ภายในเจดีย์พุทธคยาเป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธเมตตา” พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่สร้างในสมัยปาละ ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,400 ปี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่รอดจากการถูกทำลายจากพระเจ้าศศางกา กษัตริย์ชาวฮินดูค่ะ

พุทธคยา

ด้านหลังเจดีย์พุทธคยา เราจะพบกับ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ที่อยู่เหนือ “พระแท่นวัชรอาสน์” จุดที่พระพุทธเจ้าได้นั่งตรัสรู้ค่ะ ซึ่งจุดนี้ชาวพุทธจะมานั่งสมาธิกันตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยค่ะพุทธคยา

เราได้เดินรอบๆเจดีย์ทำให้สัมผัสได้ถึงพลังความศรัทธาจากชาวพุทธที่มาที่นี่กันอย่างมากเลยค่ะ รู้สึกมีความสุขมากที่ตัวเองได้มา อยากให้ทุกคนที่เป็นชาวพุทธได้มาสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆนะ เชื่อว่าทุกคนต้องได้รับพลังดีๆจากที่นี่ไปแน่ๆค่ะ พุทธคยา

ใกล้ๆกับเจดีย์พุทธคยาจะมีสระน้ำที่ชื่อว่า “สระมุจลินทร์” ค่ะ ที่นี่เชื่อกันว่าเป็นที่อยู่ของพญานาค “มุจลินทร์” ที่ตามตำนานเล่าว่า ตอนที่พระพุทธเจ้าทรงนั่งวิปัสสนาริมสระได้เกิดพายุขึ้น พญานาคมุจลินทร์จึงได้เข้ามากำบังฝนให้ จึงเป็นที่มาของ พระพุทธรูปปางนาคปรก นั่นเอง พุทธคยา

จากเจดีย์พุทธคยาเราสามารถเดินไปที่ “วัดป่าพุทธคยา” ได้ค่ะ ห่างกันแค่ 100 เมตร ซึ่งที่วัดนี้ถือเป็นวัดไทยที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในอินเดียของบรรดาวัดฝ่ายเถรวาทเลย ซึ่งภายในโบสถ์จะประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน สวยงามมากๆค่ะพุทธคยา

แล้วเราก็ไปต่อกันที่ “วัดไทยพุทธคยา” วัดไทยแห่งแรกในอินเดียกัน อยู่ห่างจากเจดีย์พุทธคยาแค่ 500 เมตรเองนะ สามารถเดินไปได้สบายๆเลย โดยภายในโบสถ์มีพระพุทธชินราชจำลองประดิษฐานอยู่ ซึ่งสถาปัตยกรรมที่นี่จำลองแบบมาจากวัดเบญจมบพิตรฯนั่นเองค่ะ

สำหรับที่วัดไทยพุทธคยา ผู้ที่มาแสวงบุญและต้องการพักใกล้กับกลุ่มพุทธสถานพุทธคยา ก็สามารถเข้าพักที่วัดนี้ได้ค่ะ โดยติดต่อกับทางวัดก่อนเดินทางมา ระบุจำนวนคน และวันที่เข้าพักได้เลย

และที่สำคัญภายในวัดยังมี “ร้านอู่ข้าว” ร้านอาหารไทยราคาประหยัดด้วยค่ะ ใครที่กังวลเรื่องอาหารไม่ถูกปาก สามารถมาทานที่นี่ได้เลยนะ

พุทธคยา

และที่นี่ก็คือ “สถูปบ้านนางสุชาดา” ที่เชื่อว่าเป็นที่ตั้งของบ้านนางสุชาดา ลูกสาวมหาเศรษฐีที่ได้ถวายข้าวมธุปายาสให้กับพระพุทธเจ้าก่อนที่จะตรัสรู้ค่ะ

จะเห็นว่าใหญ่โต พื้นที่เยอะ สมกับที่เป็นมหาเศรษฐีมากๆ

Note : “ข้าวมธุปายาส” คือ ข้าวที่หุงด้วยน้ำนมโค ใช้สำหรับบวงสรวงเทพค่ะพุทธคยา

จากบ้านนางสุชาดาเราไปต่อกันที่ “วัดนางสุชาดา” ซึ่งจุดนี้จะมีต้นไทรอยู่ที่เชื่อว่าเป็นจุดที่นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาสให้แก่พระพุทธเจ้านั่นเองค่ะ

Note : ตามตำนานเล่าว่า นางสุชาดาได้ปรุงข้าวมธุปายาสขึ้นเป็นอาหารไปแก้บน เพราะได้ลูกชายตามที่บนไว้ พอได้เห็นพระพุทธเจ้าที่ประทับอยู่ใต้ต้นไทรมีลักษณะงาม ออร่าเปล่งประกาย จึงคิดว่าเป็นเทพย์ จึงได้เข้าไปถวาย ต่อมาพระพุทธเจ้าได้บอกความจริงแก่นาง นางก็ยิ่งรู้สึกศรัทธาจึงได้ถวายข้าวทั้งถาด พระพุทธเจ้าจึงได้ฉันข้าวจนหมดและนำถาดทองไปอธิษฐานลอยในแม่น้ำเนรัญชรา เพื่อเสี่ยงทายว่าจะสามารถตรัสรู้ได้หรือไม่ค่ะ

ข้าวมธุปายาสของนางสุชาจึงถือเป็นอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้ จึงเชื่อกันว่าเป็นอาหารวิเศษ ใครได้กินจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตพุทธคยา

จากจุดที่นางสุชาดาได้ถวายข้าวมธุปายาสแล้ว เราก็มากันในจุดที่พระพุทธเจ้าได้นำถาดทองไปอธิษฐานลอยในแม่น้ำเนรัญชรา เพื่อเสี่ยงทายว่าจะสามารถตรัสรู้ได้หรือไม่ค่ะ จากจุดนี้เราจะได้เห็นเจดีย์พุทธคยา สถานที่ทรงตรัสรู้ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำด้วยค่ะ

Note : พระพุทธเจ้าทรงปั้นข้าวมธุปายาสเป็นปั้นๆทั้งหมด 49 ปั้นเสวยจนหมดแล้วนำถาดทองไปที่แม่น้ำ ทรงอธิษฐานว่าถ้าได้ตรัสรู้ ขอให้ถาดลอยทวนน้ำไป ซึ่งถาดทองก็ได้ลอยทวนน้ำไปจริงๆ และจมลงสู่ใต้แม่น้ำค่ะพุทธคยา

ในบริเวณเขตปริมณฑลพุทธคยา จะมีเหล่า “วัดพุทธนานาชาติ” ที่เป็นเหมือนที่รวบรวมวัดต่างๆเอาไว้ในอาณาเขตเดียวกันค่ะ โดยจะมีประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาที่ศรัทธามาสร้างวัดขึ้น โดยจะแสดงให้เห็นถึงศิลปะและสถาปัตยกรรมในแบบของประเทศนั้นๆด้วยค่ะ

โดยวัดแรกที่เรามากันก็คือ “วัดภูฏาน” จะเห็นเลยว่าที่นี่มีเอกลักษณ์ในความเป็นภูฏานอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ เรียบง่ายแต่สวยงามมากๆ

พุทธคยา

อีกหนึ่งวัดที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด นั่นก็คือ “วัดพุทธญี่ปุ่น” ที่มี The Great Buddha Statue หรือ พระใหญ่ไดบุตซี ที่มีความสูงถึง 80 ฟุต ถือเป็นพระพุทธรูปกลางแจ้งองค์ใหญ่ที่สุดในอินเดียเลยค่ะพุทธคยา

สุดท้ายก่อนกลับก็ได้เวลาแห่งการช้อปปิ้งจ้า จะบอกว่าไม่ว่าไปทางไหนก็มีร้านขายของเต็มไปหมดอ่ะ สามารถเสียทรัพย์ได้ตลอดเวลาเลยที่อินเดีย และที่ Tibetan Refugee Marget ก็เป็นอีกที่ที่รวบรวมผ้าสวยๆ สำหรับคนที่อยากซื้อของฝากด้วยค่ะ ใครกลัวใช้เงินไม่หมด มาละลายทรัพย์กันที่นี่ได้เล้ยย! ^^

พาราณสี

จะบอกว่าการมาแสวงบุญที่พุทธคยาและพาราณสีไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยนะ อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสจริงๆอ่ะ เชื่อเถอะว่าจะหลงรักแบบเรา

แล้วคือหลังจากได้มาด้วยตัวเองแล้ว เห็นได้เลยว่าการมาอินเดียไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดเลยจ้า ทั้งเรื่องที่พัก อาหารการกิน จะชวนแก๊งค์เพื่อนมา หรือพาพ่อแม่มาด้วยก็สบายอ่ะ ยิ่งที่พุทธคยาด้วยแล้ว มีวัดไทยเยอะมาก ร้านอาหารไทยก็เพียบเลยแหละ โซนพุทธคยาจะมีถนนที่เราสามารถเดินเล่นช้อปปิ้งได้ตลอดทางเลย เป็นจุดที่คนไทยสายบุญนิยมไปกันมากๆเลยค่ะ ^^

Tagged : / / / / /

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *